รีวิวเกม Mario Kart 8

รีวิวเกม Mario Kart 8 หนึ่งในความผิดหวังที่แฟนเกม Mario Kart ทั่วโลกต้องเจอมาหลายปีก็คือปู่นินไม่ยอมออกภาคใหม่ แม้ว่าภาคล่าสุดอย่าง Mario Kart 8 Deluxe บน Nintendo Switch จะไม่ใช่ภาคใหม่ทั้งหมด แต่เป็นแค่ภาค 8 บน WiiU ที่เพิ่มฉากใหม่ๆ โหมดใหม่และตัวละครใหม่ แค่นั้นแหละ และหลังจากปล่อยมาหลายปี ในที่สุด Nintendo ก็ไม่ปล่อยภาค 9 เพราะขายดีต่อเนื่อง ทำให้ตัดสินใจออก DLC แบบเสียเงินเป็นสนามแข่งจากภาคบนสมาร์ทโฟน และภาคบนคอนโซลอื่นมาปรับปรุงและทยอยปล่อยออกมาให้โหลดกันเป็นชุด และล่าสุด Wave 3 ก็เพิ่งวางจำหน่ายที่มาพร้อม 8 สนามแข่งใหม่ อาจฟังดูไม่น่าสนใจแต่เมื่อคุณได้ลองเล่นแล้วมีดีกว่าที่คิดไว้มาก

นอกจากนี้ การอัปเดตนี้นอกเหนือจากฟิลด์ใหม่แล้ว ยังมีการเพิ่มโหมดใหม่ที่ผู้เล่นจะสามารถปรับแต่งไอเท็มของตนเองได้ในบางโหมด ที่เราสามารถกำหนดได้ว่าจะเอาไอเทมอะไรมาใส่ในฉากก่อนเข้าเล่น แต่จะทำได้เฉพาะบางโหมดเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เมื่อเล่นออนไลน์ จะปรับเฉพาะการแข่งแบบทีมและการรบเท่านั้น ส่วนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ DLC แบบชำระเงิน แฟน ๆ ของเกมที่มี Mario Kart 8 Deluxe สามารถดาวน์โหลดส่วนนี้ได้ฟรี กราฟิกเหมือนกัน แต่ดูดี เหมือนก่อน
อันที่จริงกราฟิกอาจไม่ต้องรีวิวก็ได้เพราะเหมือนต้นฉบับบน WiiU ที่ขายมาตั้งแต่ปี 2014 แต่ถ้าลงรายละเอียดฉากใหม่ที่ใส่มาก็ทำได้ดี เนื่องจากฉากใหม่ส่วนใหญ่จะมาจากเครื่องคอนโซล สเปคจึงด้อยกว่า Nintendo Switch ทำให้ต้องยกเครื่องใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะส่วนของสมาร์ทโฟน Mario Kart World Tour ที่เปลี่ยนจอใหญ่แล้วดูดีขึ้นมาก

ส่วนเพลงประกอบคงไม่พูดถึงไม่ได้เพราะต้นฉบับทำไว้ดีอยู่แล้ว เป็นเพลงแจ๊สที่มีเนื้อหาสนุกสนาน และถูกดัดแปลงให้แตกต่างไปจากเดิม ทำให้การแข่งของลุงหนวดสนุกขึ้น มีเพลงที่ติดหูมากมายที่เป็นจุดเด่นของซีรีส์ตั้งแต่ภาคแรก อย่างไรก็ตามส่วนอื่น ๆ ของเกมยังคงเหมือนเดิมเพราะเป็นเพียง DLC เท่านั้น เพิ่มสนามไม่มากแต่มันส์มาก Wave 3 จะรวมแปดแทร็กใหม่ รวมถึง Boo Lake จาก Super Circuit บน GBA, Rock Rock Mountain จาก Mario Kart 7 บน 3DS และ Maple Treeway Mario Kart Wii, Peach Gardens (Mario Kart) DS) เวอร์ชันอัปเกรดของ Rainbow Road บน Mario Kart 7 ฉากใหม่จากภาค Mario Kart Tour สำหรับสมาร์ทโฟน ได้แก่ Tour London Loop, Tour Berlin Byways และ Merry Mountain และอย่างที่บอก ฉากใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาแม้จะไม่ใช่ของใหม่ 100% แต่ Nintendo ก็ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ เนื่องจากบางภาคออกมาหลายปีทำให้เชยไปเลย ผู้สร้างได้ปรับเพิ่มสิ่งใหม่ๆ เช่น สิ่งกีดขวางใหม่ๆ อย่างแท่นกระโดดหรือกับดักแปลกๆ ในฉากรอป่วนๆ ก็มีให้เราเลือกมากมาย ทำให้แม้คุณจะเคยเล่นมาก่อนแล้วรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกับสิ่งใหม่ๆ เพราะมีความสดใหม่ทั้งกราฟิกและรูปแบบการเล่น

คุ้มค่าหรือไม่ถามใจดู รีวิวเกม Mario Kart 8

รีวิวเกม Mario Kart 8 หลักสูตรจาก Mario Kart Tour ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เราเล่นบนคอนโซลที่มีหน้าจอที่ใหญ่กว่าบนมือถือ ฉากได้รับการออกแบบมาอย่างดี แทบไม่มีเลย ดูน่าเบื่อ และสนามใหม่ทั้งหมดยังเปลี่ยนเส้นทางการเล่นในแต่ละรอบการเล่นให้แตกต่างกันอีกด้วย โดยในการแข่ง 1 สเตจจะต้องเล่น 3 รอบ ซึ่งจะเปลี่ยนเส้นทางไปเรื่อยๆในแต่ละเรซ ทำให้ไม่น่าเบื่อเลย ส่วนเกมเพลย์ที่เหลือก็เหมือนเดิม แต่จัดเต็มสุดๆ เพราะ Mario Kart 8 Deluxe เป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดที่แทบไม่ต้องทำอะไรเลย ทั้งตัวละครหลักที่มีให้เลือกเล่นมากถึง 41 ตัว และยังสามารถสร้างตัวละคร Mii มาเล่นได้อีกด้วย ส่วนรถในเกมก็มีให้เลือกแต่งมากมายจนเลือกแทบไม่ถูก ซึ่งการอัพเกรดรถจะส่งผลต่อการแข่งขันในสนามด้วย

ส่วนราคาขาย DLC ทุก Wave จะอยู่ที่ $25 หรือประมาณ 860 บาท แต่จะได้ช่องเพิ่มทุก Wave รวมเป็น 24 ช่อง และในปี 2023 จะมีการอัพเกรดอีก โดยส่วนตัวถือว่าคุ้มราคาครับ โดยรวมแล้ว Mario Kart 8 Deluxe Booster Course Pass Wave 3 ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องมีหากคุณมีภาค 8 บน Switch อยู่แล้ว แต่ถ้าคุณไม่มี คุณจะต้องซื้อทั้งเกมและ DLC ใหม่อีกครั้ง อาจจะดูแพงสักหน่อย

Mario Kart 8 Deluxe ลุงหนวดมาริโอออกซิ่งบน Nintendo

ซีรีส์ Mario Kart เป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ Nintendo โดยมียอดขายเกือบทุกเกม ทำให้เมื่อประกาศภาคใหม่จะได้ดูทันที ไม่เว้นแม้แต่การมาของ Mario Kart 8 Deluxe ที่แม้ว่าจะไม่ใช่เกมใหม่ หากคุณเป็นแฟน Nintendo คุณจะรู้ว่า Mario Kart 8 เปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 บน WiiU และประสบความสำเร็จอย่างมากด้วยยอดขาย แม้ว่าจะออกบนคอนโซล WiiU ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ส่วนการมาของ Nintendo Switch ดูภายนอกแทบไม่มีอะไรแตกต่าง

แต่เมื่อสัมผัสดูจะพบว่าเมื่ออยู่บนจอทีวีจะมีความละเอียด 1080p และฟูลเฟรมเรตที่ 60 FPS ส่วนโหมดพกพาจะมีความละเอียด 720p ตามคุณภาพของหน้าจอ ทำให้แม้เป็นเกมที่ออกมาหลายปีแต่ก็ยังดูดีทั้งพื้นผิวและแสงเงา แสดงว่า Switch แรงกว่า WiiU แน่นอน ตามมาด้วยเพลงประกอบที่ใช้ดนตรีแจ๊สเป็นธีมหลักที่ทำได้ดี เพราะทั้งคู่จับใจความลงตัวในทุกรายละเอียดไม่แพ้ซีรีส์ Mario Kart ที่โดดเด่นเรื่องดนตรีมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม สำหรับเวอร์ชัน Nintendo Switch คุณอาจต้องซื้อหูฟังดีๆ สักคู่เพื่อใช้ในโหมดพกพา แต่ฉันรับรองได้ว่าทั้งภาพและเสียงนั้นไม่ได้ขาดเกม AAA เลย และดีกว่าต้นฉบับเสียอีก รีวิวเกม Mario Kart 8

รูปแบบการเล่นหลักของเกมยังคงเหมือนกับเกมแข่งรถ ที่ไม่เน้นความสมจริงแต่เต็มไปด้วยความมันส์แบบหลุดโลกซึ่งมีจุดเด่นที่สนามแข่งที่หลากหลาย มีไอเทมแกล้งเพื่อนและทำให้เราเข้าเส้นชัยได้เร็วที่สุด ในภาคนี้ WiiU ดั้งเดิมมี เพิ่มคุณสมบัติการแข่งแบบไร้แรงโน้มถ่วง ที่เราจะไปได้ไม่ว่าเส้นทางจะกลับหัวกลับหาง ทำให้เกิดรูปแบบการเล่นที่ไร้ขีดจำกัดที่ทำมาได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่ภาคดั้งเดิม มาคราวนี้อัพเกรดให้ลื่นไหลกว่าเดิมคุ้มยิ่งกว่าเดิม

โดยรวมแล้ว 85% ของเกมเป็นต้นฉบับ แต่ได้ภาพออกมาดูดีขึ้นมาหน่อย. แต่แค่นี้คงไม่คุ้ม ทำให้ปู่นินต้องอัพเกรดครั้งใหญ่เพิ่มสิ่งที่ภาคหลักขาดไปคือโหมด Battle ที่ภาค 8 บน WiiU ไม่มีสนามแข่งเฉพาะ แต่ใช้สนามธรรมดาเป็นสังเวียน มาบน Nintendo Switch มีสนามแข่ง 8 สนามที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เหมาะกับการเล่นดวลกัน ที่มาจากเกมอื่นอย่าง Splatoon เช่นกัน และยังมีไอเทมใหม่ๆ เช่น ขนนกที่ให้เราลอยและขโมยลูกโป่งได้, ผี Boo ที่กลับมาอีกครั้งในภาคต่อนี้ และ Item Box ที่ให้เราเก็บไอเทมได้ 2 ชิ้น คล้ายๆ กับ Mario Kart: Double Dash บน Gamecube

ยังไม่พอเพิ่มโหมดใหม่ในส่วนของ Battle เข้าไปอีก ยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมอีก ไล่ตั้งแต่ของเดิมเลย อยากได้โหมด บอลลูน ซึ่งเป็นของพื้นฐานที่ต้องมีอยู่แล้ว และยังเสริมด้วยโหมด Shine Thief ที่คล้ายกับ Scramble for the Flag เปลี่ยนเป็นชิงแสง (ตะวัน) แทน ตามด้วยโหมด Renegade Roundup ซึ่งเป็นการไล่ล่าที่ต้องแบ่งฝ่ายกันทั้งทีมเพื่อไล่ล่า กับอีกทีมที่ต้องไล่ล่า และเมื่อจับได้ก็จะถูกจับเข้ากรงโดยผู้เล่นที่เหลือต้องช่วยกัน และยังมีโหมด Coin Runners ให้เก็บเหรียญและวิ่งแข่งกันอีกด้วย และสุดท้ายคือโหมด Bob-omb Blast ที่เหมือนฉากในหนังสงครามที่ทุกคนมีระเบิดเป็นอาวุธ โดยรวมแล้วน่ากลับมาเล่น เพิ่มโหมดมากกว่าที่คาดไว้

นอกจากนี้ แพ็ก DLC ที่ดาวน์โหลดได้แบบชำระเงินของ WiiU ยังประกอบด้วยตัวละครเพิ่มเติม เช่น ลิงก์จากเกม Zelda ตลอดจนสิ่งใหม่เพิ่มเติมสำหรับ Nintendo Switch เช่น เต่ากระดูกแห้ง, Inkling Girl และ Inkling Boy จาก Splatoon หรือ King Boo และ Bowser Jr. รวมถึงสนามแข่งเพิ่มเติมพร้อมสรรพ รวมทั้งหมด 42 ตัว ถือว่าคุ้มมาก แต่ถ้าคุณมี

MARIO KART 8 DELUXE

จุดเด่นอีกอย่าง เมื่อพูดถึง Nintendo Switch จะต้องสามารถเล่นนอกบ้านได้โดยไม่ลดคุณภาพของกราฟิกลง ยกเว้นจะลดความละเอียดลงเหลือ 720p แต่ก็ยังดูดีมาก และเป็นรถแข่งบนเครื่องเกมพกพาที่ภาพสวยที่สุดในตอนนี้รีวิวเกม Mario Kart 8

ส่วนโหมดผู้เล่นหลายคนที่ต้องมีอยู่แล้ว ที่โดดเด่นคือสามารถเล่นกับเพื่อนแบบแบ่งหน้าจอได้ แต่ด้วยขนาดหน้าจอเพียง 6.2 นิ้ว อาจจะดูยากสักหน่อย แต่ข้อดีของมันคือสามารถแชร์ Joy-con ให้เพื่อนเล่นได้ แม้ว่าจอยสติ๊กจะมีขนาดเล็กเมื่อแยกออกจากตัวเครื่อง แต่ก็พอดีกับมือ และยังสามารถเล่นแบบไร้สายกับเพื่อนที่มี Nintendo Switch ด้วยกันได้ ดังนั้นหากคุณมีเพื่อนที่ชอบเล่นเกม ก็เป็นเกมที่ดีที่สุดเกมหนึ่งสำหรับเล่นในงานปาร์ตี้ ส่วนโหมดออนไลน์ก็ยังทำได้ดีตามมาตรฐานเดิม จัดการระบบได้ดี หาเพื่อนเล่นง่าย ส่วนความลื่นก็ขึ้นอยู่กับความแรงของเน็ต

Mario Kart 8 Deluxe อาจจะไม่ใช่ของใหม่ 100% แต่ก็มีมากพอที่จะทำให้คนที่เคยเล่นเวอร์ชั่น WiiU กลับมาสนุกได้อีกครั้ง ส่วนใครที่ไม่เคยเล่นมาก่อนไม่ควรพลาดเพราะเป็นเกมแข่งรถที่ดีที่สุดเกมหนึ่งในยุคนี้ แถมยังมาพร้อมฉาก ตัวละคร และไอเทมใหม่ๆ คุณไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้ออะไรอีก และยังสามารถเล่นนอกบ้านได้ ใครมี Nintendo Switch ไม่ควรพลาดมีไว้ติดเครื่อง

บทความที่เกี่ยวข้อง